ระบบประปาในอาคารสูง การเดินท่อควรมีอะไรบ้าง ทำระบบแบบไหนดี ?

ทำระบบประปาในอาคารสูง

ทำระบบประปาในอาคารสูง

การวางระบบในอาคารสูงไม่ใช่แค่เรื่องของการต่อท่อให้ใช้งานได้เท่านั้นครับ แต่สำหรับการทำระบบประปาในอาคารสูง จำเป็นต้องออกแบบและติดตั้งอย่างเป็นระบบ เนื่องจากซับซ้อนมากกว่าอาคารทั่วไป ทั้งแรงดันน้ำ ปริมาณผู้ใช้งาน และความปลอดภัยของผู้อาศัย 

บทความนี้ Mittwater จะพามาทำความเข้าใจการติดตั้งระบบภายในอาคารสูง ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงวิธีการเดินท่อให้ถูกต้องตามมาตรฐาน เพื่อให้ระบบประปาในอาคารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

คลิกอ่านหัวข้อ ระบบประปาในอาคารสูง ซ่อน

ระบบประปาในอาคาร คือระบบอะไร ?

ระบบประปาในอาคาร คือ ระบบที่ดูแลเรื่องน้ำทั้งหมดภายในอาคาร ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายน้ำสะอาดจากแหล่งน้ำเข้าสู่ก๊อก อ่างล้างหน้า ห้องครัว หรือการส่งน้ำขึ้นไปยังอาคารชั้นสูง ๆ รวมถึงการระบายน้ำเสียและน้ำฝนลงสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะอย่างปลอดภัย

ระบบนี้จึงทำหน้าที่ทั้งนำน้ำดีเข้า และ นำน้ำเสียออก เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ สะอาด และมีสุขอนามัยที่ดี หากระบบขัดข้องก็อาจกระทบต่อความสะดวกสบาย และคุณภาพชีวิตของคนในอาคารโดยตรง ดังนั้นระบบประปาในอาคารสูงจึงมีความสำคัญต่อผู้อยู่อาศัยในอาคารมากครับ

ระบบประปาในอาคารสูง มีกี่แบบ ? เลือกระบบไหนให้เหมาะสม

ระบบประปาในอาคารสูง แบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้

1. ระบบจ่ายน้ำขึ้น (Up-feed System)

ระบบจ่ายน้ำขึ้น เป็นระบบที่จะสูบน้ำจากถังเก็บน้ำด้านล่างขึ้นไปตามท่อโดยตรง และจ่ายเข้าสู่จุดใช้งานในอาคาร ซึ่งเหมาะกับอาคารที่สูงไม่มาก เพราะแรงดันจากปั๊มอาจไม่สามารถส่งน้ำได้เพียงพอ 

โดยมีข้อดีคือมีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน ต้นทุนติดตั้งไม่สูง แต่หากอาคารสูงเกินไป อาจทำให้แรงดันน้ำไม่สม่ำเสมอ 

2. ระบบจ่ายน้ำลง (Down-feed System)

ระบบจ่ายน้ำลง ระบบนี้จะสูบน้ำจากด้านล่างขึ้นไปเก็บไว้บนถังเก็บน้ำดาดฟ้า แล้วปล่อยน้ำลงมาตามแรงโน้มถ่วง จ่ายเข้าสู่ท่อและจุดใช้งาน ซึ่งเหมาะกับอาคารสูงหลายสิบชั้น 

เนื่องจากแรงดันน้ำที่ได้มีความสม่ำเสมอ และสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องแม้ไฟฟ้าดับชั่วคราว ทำให้ระบบจ่ายน้ำลงเป็นระบบประปาภายในอาคารที่ได้รับความนิยมใช้ในอาคารสูงขนาดใหญ่และคอนโดมิเนียม

3. ระบบจ่ายน้ำแบบแบ่งโซน (Zoning System)

สำหรับตึกระฟ้าที่มีความสูงพิเศษ มักใช้ระบบการจ่ายน้ำแบบแบ่งโซนครับ โดยจะแยกอาคารออกเป็นชั้น ๆ ตามโซน แต่ละโซนจะมีถังเก็บน้ำและปั๊มน้ำเป็นของตัวเอง เพื่อควบคุมแรงดันน้ำไม่ให้มากเกินไปในชั้นล่าง และให้เพียงพอในชั้นบนสุด 

โดยระบบนี้จะมีความซับซ้อนมากกว่าแบบอื่น ๆ แต่ก็เหมาะที่สุดกับอาคารสูงมาก ๆ ที่ต้องการประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด

ระบบประปาในอาคารสูง

องค์ประกอบสำคัญเพื่อออกแบบระบบประปาอาคารสูง

  • ถังเก็บน้ำ (Water Storage Tank) : ใช้สำหรับเก็บน้ำสำรอง เพื่อให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการใช้งานต่อเนื่อง
  • เครื่องสูบน้ำเสริมแรงดัน (Booster Pump) : ทำหน้าที่เพิ่มแรงดันน้ำเพื่อส่งไปยังชั้นสูงสุดของอาคาร
  • วาล์วลดแรงดัน (Pressure Reducing Valve – PRV) : ใช้ควบคุมแรงดันน้ำให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยและเหมาะสม
  • ขนาดและประเภทของท่อ : ควรเลือกขนาดและประเภทที่เหมาะสม จะช่วยให้น้ำไหลได้สะอาด ไม่เกิดแรงดันตกคร่อม และทนทานต่อการใช้งาน

การคำนวณแรงดันน้ำในระบบประปาในอาคาร ทำได้อย่างไร ?

การคำนวณแรงดันน้ำเป็นขั้นตอนสำคัญในการออกแบบระบบประปาอาคารสูง เพราะจะช่วยให้สามารถเลือกขนาดปั๊ม ท่อ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เหมาะสม โดยหลัก ๆ ต้องพิจารณาปัจจัยดังนี้

  • ความสูงของอาคาร : เป็นแรงดันที่ต้องใช้ในการสูบน้ำจากถังเก็บน้ำด้านล่างขึ้นไปยังจุดใช้งานด้านบนสุดของอาคาร โดยทั่วไปคำนวณจากความสูง (เมตร) x 0.1 = แรงดันน้ำ (บาร์) ที่ต้องใช้
  • Friction Loss ในท่อ : เกิดจากความฝืดของผนังท่อ ข้อต่อ วาล์ว และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่น้ำไหลผ่าน ยิ่งท่อยาวหรือมีการโค้งงอมาก ก็ยิ่งทำให้แรงดันสูญเสียมากขึ้น จึงต้องบวกค่า Friction Loss เพิ่มในการคำนวณ
  • ความต้องการแรงดันน้ำที่ปลายทาง : แรงดันขั้นต่ำที่จุดใช้งานต้องการ เช่น ก๊อกน้ำทั่วไปอาจใช้แรงดันประมาณ 1-2 บาร์ ในขณะที่ฝักบัวหรือสุขภัณฑ์บางชนิดอาจต้องใช้แรงดันสูงกว่านั้น

เมื่อรวมค่าทั้งสามส่วนเข้าด้วยกัน จะได้แรงดันรวมที่ปั๊มต้องจ่าย ซึ่งเป็นข้อมูลในการเลือกขนาดปั๊มและอุปกรณ์เสริมให้เหมาะสมกับอาคารนั้น ๆ 

การเดินท่อประปาภายในอาคาร

การเดินท่อประปาภายในอาคาร ทำได้กี่วิธี ?

การเดินท่อประปาในอาคารสามารถทำได้หลายวิธีครับ โดยขึ้นอยู่กับความต้องการด้านความสวยงาม ความสะดวกในการบำรุงรักษา และงบประมาณ โดยหลัก ๆ มี 2 วิธีที่นิยมใช้ ได้แก่

1. การเดินท่อแบบลอย

การเดินท่อแบบลอย เป็นการติดตั้งท่อให้เห็นได้ชัดเจน เดินท่อไปตามผนังหรือเพดาน มีข้อดีคือดูแลและซ่อมแซมได้ง่ายหากเกิดการรั่วซึมหรือชำรุด อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งไม่สูง 

แต่ข้อเสียคืออาจทำให้ความสวยงามของอาคารลดลง เว้นแต่จะออกแบบให้เข้ากับสไตล์ของอาคาร

2. การเดินท่อแบบฝัง

ระบบท่อประปาในภาคแบบฝัง เป็นการซ่อมท่อไว้ภายในผนัง พื้น หรือฝ้าเพดาน เพื่อความเรียบร้อยและความสวยงาม เหมาะสำหรับบ้านพักอาศัยและอาคารที่เน้นความเป็นระเบียบ 

ข้อดีคือช่วยให้พื้นที่ดูสะอาดตา แต่มีข้อเสียคือหากท่อรั่วซึมจะตรวจพบได้ยาก และการซ่อมแซมอาจต้องรื้อผนังหรือพื้น ซึ่งอาจกระทบต่อโครงสร้างและระบบน้ำประปาโดยรวมของอาคาร

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาวางระบบประปาในอาคาร มีอะไรบ้าง ?

การวางระบบกรองน้ำประปาในอาคารไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเท่ากันทุกแห่ง ราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งอุปกรณ์ วัสดุ และความซับซ้อนของงาน เพื่อให้ผู้อาศัยได้ระบบที่ปลอดภัยและคุ้มค่า จึงควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบ

  • ค่าอุปกรณ์และวัสดุ : เช่น ท่อ วาล์ว ปั๊มน้ำ ถังเก็บน้ำ หรืออุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ ราคาจะขึ้นอยู่กับคุณภาพ ยี่ห้อ และประเภทของวัสดุที่เลือกใช้
  • ค่าแรงงานติดตั้ง : ค่าจ้างช่างประปาและทีมงานเป็นปัจจัยสำคัญ ยิ่งงานซับซ้อนหรือใช้เวลานาน ค่าแรงก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
  • ความซับซ้อนของการออกแบบ : อาคารที่มีหลายชั้นหรือมีระบบใช้น้ำเฉพาะทาง จะทำให้การออกแบบซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น
  • มาตรฐานของวัสดุที่ใช้ : การเลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานและทนทาน แม้มีราคาสูงกว่า แต่ช่วยลดปัญหาการรั่วซึมของการชำรุดได้ในระยะยาว และคุ้มค่าในแง่การบำรุงรักษา

วิธีบำรุงรักษาระบบประปาในอาคาร เพื่อยืดอายุการใช้งาน

อุปกรณ์ สิ่งที่ต้องตรวจสอบ/บำรุงรักษา ความถี่
ปั๊มน้ำ ตรวจสอบแรงดัน, เสียงการทำงาน, การรั่วซึม ทุก 3-6 เดือน
ถังเก็บน้ำ ล้างทำความสะอาดภายในถัง, ตรวจสอบฝาปิดและท่อเข้า-ออก ทุก 6-12 เดือน
วาล์ว ตรวจสอบการเปิด-ปิด, ตรวจหาการรั่วซึม ทุก 6 เดือน
ท่อประปา ตรวจสอบรอยรั่ว, รอยแตกร้าว, ตรวจแรงดันน้ำ ทุก 6-12 เดือน
อุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ตรวจสอบ PRV, ฟิตติ้ง, ข้อต่อ ทุก 6-12 เดือน

ข้อควรระวังในการติดตั้งระบบประปาในอาคารที่ควรรู้

การติดตั้งระบบประปาในอาคารต้องระมัดระวัง เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด สิ่งควรใส่ใจคือ มาตรฐานการติดตั้ง ใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่ได้คุณภาพ ควรมีการทดสอบรอยรั่วหลังติดตั้งทุกครั้งเพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม และมีการป้องกันปัญหา Water Hammer ด้วยอุปกรณ์ลดแรงกระแทกน้ำ เพื่อป้องกันท่อแตกหรือข้อต่อเสียหาย 

การปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยให้ระบบประปาในอาคารใช้งานได้อย่างยาวนานและปลอดภัย นอกจากนี้ ควรบันทึกการติดตั้งและตรวจสอบระบบประปาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้บำรุงรักษาง่าย ลดความเสียหาย และใช้น้ำได้อย่างปลอดภัยต่อเนื่อง

เลือกบริษัทรับทำระบบประปาในอาคารสูงอย่างไรให้ได้มาตรฐาน ?

การเลือกผู้รับเหมามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะระบบท่อประปาในอาคาร มีความซับซ้อนและต้องการมาตรฐานความปลอดภัยสูง โดยเกณฑ์ที่ควรใช้พิจารณา มีดังนี้

  • ประสบการณ์ : เลือกบริษัทที่มีผลงานติดตั้งระบบท่อภายในอาคารมาก่อน เพราะโครงสร้างและแรงดันน้ำแตกต่างจากอาคารทั่วไป
  • ทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญ : ควรมีทีมวิศวกรที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เพื่อรับรองความถูกต้องตามหลักวิศวกรรม
  • ผลงานที่ผ่านมา : ตรวจสอบโครงสร้างที่บริษัทเคยทำ ว่ามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าหรือไม่
  • มาตรฐานความปลอดภัยและวัสดุที่ใช้ : ควรเลือกบริษัทที่ใช้วัสดุที่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม และมีการตรวจสอบระบบก่อนส่งมอบ
  • บริการหลังการติดตั้ง : เลือกบริษัทที่มีบริการดูแลและซ่อมบำรุงภายหลัง ไม่เพียงเฉพาะระบบประปาเท่านั้น แต่รวมถึง ระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อให้ทั้งระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

สรุปเรื่องระบบประปาในอาคารสูง

จะเห็นได้ว่า การติดตั้งระบบประปาในอาคาร ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ทั้งการออกแบบ การเลือกวัสดุ และการเดินท่อ ภายในอาคาร เพื่อให้แรงดันน้ำเพียงพอ ใช้งานได้ทั่วถึง และปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย การเลือกผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ตรงและตรวจสอบมาตรฐานการติดตั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว 

คลิกประเมินราคาโดยวิศวกร

ให้บริการทำระบบน้ำอุตสาหกรรมทุกรูปแบบ ระบบน้ำประปา ระบบกรองน้ำบาดาล โดยผู้เชี่ยวชาญด้านระบบน้ำโดยเฉพาะ คลิกขอรับคำปรึกษากับเราได้ที่นี่

————————
ติดต่อ Mittwater ได้ที่นี่
โทร : 086-080-6629 (คุณธัชชัย)
Line : @mitrwater
ติดต่อช่องทางอื่นๆ : www.mittwater.com/contact