ระบบบำบัดน้ำเสีย MBR คืออะไร ? มีจุดเด่นอย่างไร ? พร้อมสรุปขั้นตอนการทำงาน

ระบบบำบัดน้ำเสีย MBR คืออะไร ทำแล้วดีอย่างไร

ระบบ MBR (Membrane Bioreactor)

ระบบบำบัดน้ำเสีย MBR (Membrane Bioreactor) เป็นเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสีย ที่สามารถเปลี่ยนน้ำเสียให้กลับมาใสสะอาดได้อีกครั้งด้วยการกรองผ่านเยื่อกรองไมโคร ทำให้น้ำเสียกลับมาใช้งานได้อีกครั้งอย่างปลอดภัย บทความนี้ Mittwater จะพาไปเจาะข้อมูลว่า ระบบ MBR คืออะไร มีจุดเด่นอย่างไร และทำงานอย่างไรในแต่ละขั้นตอน ? ติดตามอ่านกันได้ครับ

คลิกอ่านหัวข้อ ระบบ MBR ซ่อน

ระบบบำบัดน้ำเสีย MBR คืออะไร ?

ระบบ MBR (Membrane Bioreactor) คือ เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียที่รวมกระบวนการทางชีวภาพเข้ากับการกรองด้วยเยื่อเมมเบรนเข้าด้วยกันในระบบเดียว ทำให้สามารถแยกของแข็งและจุลินทรีย์ออกจากน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

และมีน้ำที่สะอาดกว่าระบบทั่วไป ระบบน้ำเสีย MBR เหมาะสำหรับการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ เช่น รดน้ำต้นไม้ ล้างพื้น หรือใช้ในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม 

คลิกอ่านเพิ่มเติม : กระบวนการเมมเบรน Membrane Process คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร ?

ระบบ MBR (Membrane Bioreactor)

จุดเด่นของระบบ MBR บำบัดน้ำเสีย มีอะไรบ้าง ?

โดยจุดเด่นที่สำคัญของระบบ MBR มีดังนี้

  • คุณภาพน้ำทิ้งสูง : น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจะสะอาดขึ้น ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น ใช้รดน้ำต้นไม้ ล้างพื้น หรือใช้ในระบบสุขาภิบาล
  • ประหยัดพื้นที่ติดตั้ง : ไม่จำเป็นต้องใช้ถังตกตะกอนขนาดใหญ่ ทำให้เหมาะสำหรับพื้นที่แคบหรือจำกัด
  • ลดปริมาณตะกอนเหลือทิ้ง : ช่วยลดภาระในการจัดเก็บและกำจัดตะกอน ซึ่งช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว
  • ควบคุมคุณภาพน้ำได้สม่ำเสมอ : ระบบกรองเมมเบรนจะช่วยกรองสิ่งสกปรกได้อย่างละเอียด ทำให้ได้น้ำคุณภาพสูงแบบสม่ำเสมอตลอดเวลา
  • เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย : เช่น ใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน ชุมชน ฯลฯ

จากจุดเด่นข้างต้น จึงทำให้ระบบบำบัดน้ำเสีย MBR ได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายภาคส่วนครับ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงและตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่ที่จำกัด 

คลิกประเมินราคาโดยวิศวกร

ระบบ MBR บำบัดน้ำเสีย มีกี่ประเภท ?

ระบบ MBR (Membrane Bioreactor) สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ 

  1. ระบบ MBR แบบจุ่ม 
  2. ระบบ MBR แบบภายนอก

ซึ่งระบบน้ำเสีย MBR ทั้งสองแบบมีหลักการทำงานคล้ายกันครับ แต่แตกต่างกันในด้านการจัดวางอุปกรณ์ การใช้งาน และการดูแลรักษา เราขอพาเจาะลึกแต่ละข้อกันครับ

1. ระบบ MBNR แบบจุ่ม (Submerged MBR)

ระบบ MBR แบบจุ่ม เป็นระบบที่แผ่นเมมเบรนจะถูกติดตั้งอยู่ภายในถังปฏิกรณ์ชีวภาพโดยตรง ซึ่งเมมเบรนจะอยู่ในน้ำเสียที่ผ่านกระบวนการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์แล้ว น้ำสะอาดจะถูกดูดผ่านเมมเบรนด้วยแรงดูดจากปั๊มสุญญากาศหรือแรงดันต่ำ เป็นระบบที่ใช้พลังงานต่ำ และดูแลรักษาง่าย จึงเหมาะสำหรับอาคารขนาดกลางถึงใหญ่หรือชุมชน 

2. ระบบแบบภายนอก (External MBR)

ระบบ MBR แบบภายนอก เป็นระบบที่แยกถังเมมเบรนออกจากถังบำบัดชีวภาพ โดยน้ำที่ผ่านการบำบัดจะถูกดูดผ่านเมมเบรนด้วยปั๊มแรงดันสูงเพื่อกรองน้ำให้สะอาด เป็นระบบที่ดูแลรักษาง่าย เพราะเมมเบรนอยู่ข้างนอก สามารถล้างหรือเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องหยุดระบบ 

ข้อจำกัดของระบบ MBR มีอะไรบ้าง ?

แม้ว่าระบบน้ำ MBR จะมีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียสูง แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนนำไปใช้งาน ดังนี้ครับ

ข้อจำกัดของระบบ MBR
  • ต้นทุนสูงขึ้น : เนื่องจากการติดตั้งระบบและอุปกรณ์เมมเบรนมีราคาสูงกว่าระบบบำบัดน้ำเสียแบบทั่วไป ทำให้ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นจำนวนมาก
  • ต้องดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ : เพราะเยื่อเมมเบรนอาจเกิดการอุดตันได้ จึงต้องล้างทำความสะอาดและบำรุงรักษาเป็นประจำ
  • ใช้พลังงานค่อนข้างมาก : โดยเฉพาะในระบบแบบภายนอกที่ต้องใช้ปั๊มน้ำแรงดันสูง
  • ความซับซ้อนของระบบ : การติดตั้งและควบคุมระบบ MBR ต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อความปลอดภัย
  • ข้อจำกัดด้านอุณหภูมิและสารเคมี : เมมเบรนอาจเสียหาย หากเจอสัมผัสกับสารเคมีรุนแรงหรืออุณหภูมิสูงที่เกินกว่ากำหนด

ขั้นตอนการทำงานระบบบำบัดน้ำเสีย MBR เป็นแบบไหน ?

1. บำบัดเบื้องต้น (Pre-treatment)

สำหรับขั้นตอนแรกน้ำเสียจะถูกส่งเข้าสู่กระบวนการกรองเบื้องต้น เพื่อแยกสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ออก เช่น เศษพลาสติก เศษอาหาร หรือวัสดุลอยตัวออกจากน้ำก่อน โดยกระบวนการนี้สำคัญมากครับ เพราะช่วยลดโอกาสที่เมมเบรนจะเกิดการอุดตัน และช่วยยืดอายุการใช้งานของเมมเบรนในระยะยาว

2. บำบัดทางชีวภาพ (Biological Treatment)

น้ำเสียที่ผ่านการกรองเบื้องต้นแล้วจะถูกส่งเข้าสู่ถังปฏิกรณ์ชีวภาพ ที่มีจุลินทรีย์ทำหน้าที่ในการช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ เช่น แอมโมเนีย ไนไตรต์ หรือสารอินทรีย์อื่น ๆ ให้กลายเป็นสารที่ไม่เป็นอันตราย 

เป็นกระบวนการที่ช่วยลดปริมาณมลพิษในน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นขั้นตอนเตรียมความพร้อมให้กับน้ำก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป

3. แยกของแข็งด้วยเยื่อเมมเบรน (Membrane Separation)

เมื่อน้ำเสียผ่านการย่อยสลายทางชีวภาพแล้ว จะถูกส่งมาเข้ากระบวนการกรองด้วยเยื่อเมมเบรน โดยเยื่อเมมเบรนจะทำหน้าที่ช่วยแยกของแข็ง ตะกอนแขวนลอย และจุลินทรีย์ที่เหลือออกจากน้ำ ทำให้ได้น้ำที่สะอาดและใสมากขึ้น 

ซึ่งการกรองด้วยเยื่อเมมเบรนในขั้นตอนนี้สามารถกรองได้อย่างละเอียดในระดับไมไครฟิลเตรชัน (Microfiltration) หรืออัลตร้าฟิลเตรชัน (Ultrafiltration) ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพน้ำให้อยู่ในระดับที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

4. ระบายน้ำทิ้งหรือนำกลับมาใช้ใหม่ (Effluent Discharge/Reuse)

น้ำที่ผ่านการกรองด้วยเยื่อเมมเบรนแล้วจะมีคุณภาพสูงและปลอดภัยเป็นอย่างมากครับ สามารถระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ตามมาตรฐาน หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในหลายรูปแบบ เช่น ล้างพื้น รดน้ำต้นไม้ เติมระบบชักโครก หรือนำไปใช้ในกระบวนการอุตสาหกรรมบางประเภท 

5. การจัดการการอุดตันของเมมเบรน (Membrane Fouling Control)

เพื่อให้ระบบ MBR สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว จำเป็นต้องมีการควบคุมและจัดการการอุดตันของเยื่อเมมเบรนอย่างเหมาะสมครับ โดยควรล้างไส้กรองเป็นระยะ ๆ เพื่อขจัดคราบตะกอนหรือจุลินทรีย์ที่สะสมอยู่บนผิวเมมเบรน ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเมมเบรนใหม่

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ระบบ MBR เพื่อการบำบัดน้ำเสีย

ระบบ MBR ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและได้ถูกนำไปใช้ในหลายภาคส่วนที่ต้องการบำบัดน้ำเสียให้มีคุณภาพสูงและสามารถนำน้ำกลับมาใช้งานใหม่ได้ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ระบบน้ำ MBR มีดังนี้

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ระบบ MBR เพื่อการบำบัดน้ำเสีย
  • โรงงานอุตสาหกรรม : เช่น โรงงานอาหาร เครื่องดื่ม และอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยหรือนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิต
  • โรงพยาบาล : ใช้บำบัดน้ำเสียที่มีเชื้อโรคหรือสารอันตราย เพื่อให้ปลอดภัยก่อนปล่อยสู่ระบบระบายน้ำหรือบำบัดซ้ำ
  • อาคารสำนักงานและคอนโดมิเนียม : บำบัดน้ำเสียจากกิจกรรมประจำวัน เช่น น้ำจากห้องน้ำ อ่างล้างหน้า เพื่อนำน้ำกลับมาใช้รดต้นไม้หรือระบบสุขาภิบาล
  • ชุมชนหรือเทศบาล : ใช้ในระบบบำบัดนำน้ำเสียชุมชนเพื่อพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและลดการใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติ
  • สนามบินหรือสถานีขนส่งขนาดใหญ่ : ระบบ MBR เหมาะกับสถานที่ที่มีปริมาณน้ำเสียมาและต้องการระบบบำบัดที่มีประสิทธิภาพภายในพื้นที่ที่จำกัด

คลิกอ่านบทความแนะนำ

บำบัดน้ำเสียด้วยระบบ MBR ราคาสูงไหม ?

ระบบบำบัดน้ำเสียแบบ MBR มีต้นทุนการติดตั้งและดูแลรักษาที่สูงกว่าระบบทั่วไป เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะ เช่น เยื่อเมมเบรน ปั๊มแรงดันสูง และระบบควบคุมอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเมมเบรนและพลังงานที่ใช้ในการเดินระบบ

อย่างไรก็ตาม แม้ระบบ MBR จะมีต้นทุนสูง แต่ก็คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพน้ำที่ได้หลังการบำบัด ที่มีความสะอาดสูง สามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้ และยังใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อยครับ

การทำระบบ MBR ยั่งยืนในระยะยาวหรือไม่ ?

ระบบน้ำ MBR เป็นเทคโนโลยีที่ยั่งยืนในระยะยาวครับ เพราะช่วยให้คุณภาพน้ำทิ้งดีขึ้น สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ช่วยลดการใช้น้ำจากธรรมชาติ 

แม้การทำระบบน้ำเสีย MBR จะมีต้นทุนเริ่มต้นที่สูง แต่หากดูแลรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

แนวทางเลือกบริษัททำระบบบำบัดน้ำเสีย MBR ควรพิจารณาจากอะไร ?

การเลือกบริษัทรักทำระบบบำบัดน้ำเสีย MBR ควรพิจารณาจากปัจจัยสำคัญหลายด้านครับ เพื่อให้ได้ระบบที่มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และยั่งยืนในระยะยาว โดยเราขอแนะนำดังนี้

  • เลือกบริษัทที่มีประสบการณ์ตรงในการติดตั้งระบบ MBR และมีผลงานอ้างอิงที่เชื่อถือได้
  • ตรวจสอบว่าใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน มีอายุการใช้งานยาวนาน และสามารถดูแลรักษาได้ง่าย
  • สามารถออกแบบให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำเสีย ลักษณะการใช้งาน และข้อจำกัดของสถานที่
  • บริษัทที่มีบริการดูแลระบบตรวจเช็ก และให้คำแนะนำการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
  • ความคุ้มค่าด้านต้นทุนและระยะยาว ทั้งค่าใช้จ่าย การบำรุงรักษา ไปจนถึงอายุการใช้งานของระบบ

คลิกประเมินราคาโดยวิศวกร

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำระบบ MBR บำบัดน้ำเสีย

ระบบ MBR กำจัดสิ่งปนเปื้อนชนิดใดได้บ้าง ?

ระบบ MBR สามารถกำจัดสารอินทรีย์ แบคทีเรีย ไวรัส และของแข็งแขวนลอยในน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ รวมถึงลดสารอาหารจำพวกไนโตรเจนและฟอสฟอรัสได้ในระดับหนึ่ง 

ทั้งนี้การกำจัดสิ่งปนเปื้อนในน้ำเสียด้วยระบบบำบัด MBR ขึ้นอยู่กับการออกแบบระบบและการควบคุมกระบวนการด้วย

ระบบ MBR คุ้มค่าไหม ?

แม้ระบบ MBR จะมีต้นทุนเริ่มต้นที่สูง แต่ก็มีความคุ้มค่าในระยะยาว เพราะทำให้น้ำทิ้งมีคุณภาพสูงขึ้น สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และลดภาระในการจัดการตะกอน 

อีกทั้งยังช่วยประหยัดพื้นที่และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หากบริหารจัดการอย่างถูกต้องและเหมาะสม

การทำระบบ MBR ต้องสำรวจพื้นที่ก่อนวางระบบไหม ?

การทำระบบ MBR จำเป็นต้องตรวจสอบพื้นที่ก่อนเสมอครับ เพื่อประเมินปริมาณน้ำเสีย ลักษณะสิ่งปนเปื้อน และข้อจำกัดทางกายภาพของสถานที่ จะช่วยให้เราสามารถออกแบบระบบน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับการใช้งานจริงในพื้นที่

ระบบ Membrane Bioreactor ต้องหมั่นเช็กระบบบ่อยแค่ไหน ?

ระบบ MBR ควรตรวจสอบการทำงานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อเช็กค่าความดัน ความขุ่น การไหลของน้ำ และสภาพเมมเบรน 

หากพบความผิดปกติควรรีบติดต่อผู้เชี่ยวชาญแก้ไขทันที เพื่อป้องกันปัญหาในระบบน้ำ MBR และยืดอายุการใช้งานของเมมเบรนครับ

สรุปเรื่องระบบบำบัดน้ำเสีย MBR

จะเห็นได้ว่าระบบบำบัดน้ำเสีย MBR เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถบำบัดน้ำเสียให้กลับมาสะอาด ใช้งานได้อย่างปลอดภัยและคุ้มค่าครับ 

แม้จะมีต้นทุนและการดูแลรักษาที่สูงกว่าระบบทั่วไป แต่ด้วยคุณภาพน้ำที่ได้และการใช้พื้นที่ติดตั้งที่น้อยกว่า ทำให้ระบบ MBR เป็นทางเลือกที่เหมาะสมและตอบโจทย์สำหรับการบำบัดน้ำเสียให้กับสถานที่ที่ต้องการมาตรฐานสูง และมีพื้นที่จำกัด

คลิกประเมินราคาโดยวิศวกร

ให้บริการทำระบบน้ำอุตสาหกรรมทุกรูปแบบ ระบบน้ำประปา ระบบกรองน้ำบาดาล ระบบำบัดน้ำเสียโดยผู้เชี่ยวชาญด้านระบบน้ำโดยเฉพาะ คลิกขอรับคำปรึกษากับเราได้ที่นี่

————————
ติดต่อ Mittwater ได้ที่นี่
โทร : 086-080-6629 (คุณธัชชัย)
Line : @mitrwater
ติดต่อช่องทางอื่นๆ : www.mittwater.com/contact